ไม่จ่ายค่างวดรถหลายงวด ไฟแนนซ์ยึดรถและดำเนินคดียักยอกทรัพย์ได้หรือไม่

พฤษภาคม 1, 20200
ไม่จ่ายค่างวดรถหลายงวด

ไม่จ่ายค่างวดรถหลายงวด ติดต่อกันไฟแนนซ์สามารถยึดรถและดำเนินคดียักยอกทรัพย์กับผู้เช่าซื้อได้หรือไม่

 

ถ้าผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวด ติดต่อกัน ไฟแนนซ์ต้องทำหนังสือบอกกล่าวให้ชำระในงวดที่ค้างภายใน 30 วัน จึงบอกเลิกสัญญามีสิทธิยึดรถได้ แต่การยึดรถผู้เช่าซื้อไม่ยินยอมให้ยึดรถไฟแนนซ์จะยึดรถไม่ได้ หากมีการบังคับขู่เข็ญให้ผู้เช่าซื้อลงจากรถหรือยึดกุญแจรถในความครอบครองหรือเอากุญแจสำรองมาเปิดรถและขับหนีไปในขณะที่ผู้เช่าซื้อครอบครองอยู่ การกระทำดังกล่าวมีความผิดอาญาต่อเสรีภาพ มีโทษจำคุก 3 ปี และไฟแนนซ์ไปแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ไม่ได้เนื่องจากการครอบครองรถที่เช่าซื้อยังอยู่ในความครอบครองของผู้เช่าซื้อ (เมื่อผิดสัญญาเช่าซื้อไฟแนนซ์ควรดำเนินการตามขั้นตอนของการฟ้องดำเนินคดีทางแพ่ง และบังคับยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดตามกฎหมาย) ฎีกา 2716/2554

**ถ้าไม่มีเงินจ่ายไฟแนนซ์เป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อ ไม่มีโทษจำคุก เนื่องจากเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา**
ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาพ.ศ.2561

 

อ้างอิงฎีกา2716/2554

การที่ อ. ผู้เสียหายตกลงให้จำเลยเอารถกระบะที่ผู้เสียหายทำสัญญาเช่าซื้อมาไปใช้โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าเช่าซื้อในนามของผู้เสียหาย ถือได้ว่าเป็นการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ โดยมีข้อตกลงกันระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยว่า จำเลยจะเป็นผู้ชำระค่าเช่าซื้อในนามของผู้เสียหาย หลังจากจำเลยได้รับมอบการครอบครองรถกระบะจากผู้เสียหายแล้ว ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยพารถกระบะหลบหนีไปขายแก่บุคคลภายนอก หรือแอบอ้างว่าเป็นรถกระบะของตนเอง ด้วยการปฏิเสธว่าไม่ได้รับมอบรถกระบะจากผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่จำเลยครอบครองใช้รถกระบะนั้นโดยเปิดเผยและได้ชำระค่าเช่าซื้อในนามของผู้เสียหายเรื่อยมาจำนวนถึง 5 งวดติดต่อกันต่อมาจำเลยค้างส่งค่างวดจึงได้มอบรถกระบะให้ ช. โดยทำความตกลงกับ ช. ให้ ช. เป็นผู้ชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือต่อไป พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยรวมทั้งที่จำเลยรับเงินมัดจำจาก ช. ในวันทำสัญญาเป็นเงิน 5,000 บาท และในสัญญาระบุว่าจำเลยและ ช. ซื้อขายรถยนต์ (รถกระบะ) นั้น ยังมิใช่การเอารถกระบะทรัพย์สินของผู้ให้เช่าซื้อไปขายแต่เป็นเพียงการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ ช. โดยมีข้อตกลงให้ ช. มีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อต่อไป เพราะจำเลยประสงค์จะหาบุคคลอื่นมาช่วยรับภาระในการผ่อนค่าเช่าซื้อในนามของผู้เสียหาย จำเลยจึงมิได้เบียดบังเอารถกระบะดังกล่าวเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต ไม่เป็นเหตุทำให้การกระทำของจำเลยที่ไม่เป็นความผิดกลับกลายเป็นความผิดไปแต่อย่างใด

การที่จำเลยโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ ช. แม้จะมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่าซื้อก็มีผลในทางแพ่งเพียงว่า ผู้ให้เช่าซื้อยังคงมีสิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างจากผู้เสียหายผู้เช่าซื้อเดิมได้ต่อไป รวมทั้งเรียกค่าเสียหายในการที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่อาจติดตามยึดรถกระบะคืนจากจำเลยได้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานยักยอก

ลิงค์อ้างอิง

http://deka.supremecourt.or.th/search

http://www.beerseelawyer.com/ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง/

แสดงความคิดเห็น

อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่ กรุณากรอกข้อมูลในช่องที่มี *